รอบรู้สมุนไพรไทย –


February 10, 2013

ผักบุ้งสรรพคุณอย่างไร

Category: Uncategorized – noum77 4:02 am

ผักบุ้งสรรพคุณอย่างไร

ผักบุ้ง (ผักสมุนไพร) เป็นไม้ที่ปลูกได้ในดินทุกชนิดขึ้นได้ในที่แห้งแล้ง แต่หากมีน้ำมากก็จะทำให้ลำต้นเจริญงอกงามดี เป็นพืชที่ขยายพันธุ์ง่าย และรวดเร็วปลูกโดยการแยกกิ่งแก่ไปปักชำ ผังบุ้งยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย ไม่ว่าจะนำมาปรุงเป็นอาหาร หรือนำมาเป็นสมุนไพรรักษาโรคต่างๆ ได้อีกด้วย

ชื่ออื่นๆ : ผักทอดยอด(กรุงเทพฯ) ผักบุ้งไทย(กลาง) ผักบุ้ง(ทั่วไป)ผักบุ้งแดง ผักบุ้งไทย
ผักบุ้งนา กำจร(ฉานขแม่ฮ่องสอน)

ลักษณะ : ผักบุ้งเป็นไม้น้ำและเป็นไม้ล้มลุก ลำต้นเลื้อยทอดไปตามน้ำหรือในที่ลุ่มที่มีความชื้นหรือดินแฉะๆ ลำต้นกลวงสีเขียวมีข้อปล้อง และมีรากออกตามข้อได้เป็นใบเดี่ยวออกแบบสลับ เช่น รูปไข่รูปไข่แถบขอบขนานรูปหอก รูปหัวลูกศรขอบใบเรียบ หรือมีควั่นเล็กน้อยปลายปลายใบแหลม หรือมนฐานใบเว้าป็นรูปหัวใจใบยาว3-15ซม.กว้าง1-9ซม. ดอกเป็นรูประฆังออกที่ซอกใบแต่ละช่อมีดอกย่อย1-5ดอก กลีบเรียงสีเขียวกลีบดอกมีทั้งสีขาว สีม่วงแดง สีชมพูม่วงกลีบดอกจะติดกันเป็นรูปกรวยมีสีขาวอยู่ด้านบน และมีสีม่วงหรือสีชมพูอยู่ที่ฐานเกสรตัวผู้มี 5 อันยาวไม่เท่ากันผลเป็นแบบแคปซูลรูปไข่ หรือกลมสีน้ำตาลมีเมล็ดกลมสีดำ

รสและประโยชน์ต่อสุขภาพ : รสจืดเย็นช่วยขับพิษถอนพิษเบื่อเมาผักบุ้งขาว 100 กรัมให้พลังงานต่อร่างกาย 22 กิโลแคลอรี่ประกอบด้วยเส้นใย101กรัมแคลเซียม3มิลลิกรัมฟอสฟอรัส22มิลลิกรัมเหล็ก3มิลลิกรัมวิตามินเอ11447IU วิตามินบีหนึ่ง 0.06 มิลลิกรัม วิตามินบีสอง0.17มิลลิกรัมไนอาซิน1.3มิลลิกรัมวิตามินซี 14 มิลลิกรัม

ประโยชน์ทางอาหาร : ส่วนที่เป็นผัก/ฤดูกาลยอดอ่อนใบอ่อนของผักบุ้งเป็นผักได้ และผักบุ้งเป็นพืชออกยอดตลอดปี และมีมากในช่วงฤดูฝนการปรุงอาหาร คนไทยทุกภาครับประทานผักบุ้งมีการปลูก และการจำหน่ายในท้องตลาดอย่างแพร่หลายในทุกฤดูกาลผักบุ้ง เป็นผักที่ปรุงเป็นอาหารได้หลายชนิด นับตั้งแต่รับประทานยอดอ่อนเป็นผักสด หรืออาจนึ่ง ลวกและราดกะทิแกล้มกับน้ำพริกรับประทานเป็นผักสดกับส้มตำลบก้อยยำ และนำยอดอ่อนและใบอ่อนไปปรุงเป็นอาหาร เช่น ผัดจืดใส่หมูปลาไก่ ผัดกับน้ำพริก หรือ ผักบุ้งผัดน้ำมันหอย นอกจากนี้ยังนำไปแกงได้อีกด้วย เช่น แกงส้ม แกงคั่ว แกงเทโพปลานิลใส่ผักบุ้ง เป็นต้น นอกจากนี้ผักบุ้งสามารถนำไปดอง และนำไปปรุงเป็นข้าวผัดคลุกน้ำพริกผักบุ้งดอง หรือนำไปเป็นผักแกล้มน้ำพริกเป็นต้น

สรรพคุณทางยา : ผักบุ้งรสเย็นสรรพคุณถอนพิษเบื่อเมา รากผักบุ้งรสจืดเฝื่อนสรรพคุณถอนพิษผิดสำแดง ผักบุ้งขาว หรือผักบุ้งจีน ช่วยให้เจริญอาหาร เป็นยาถอนพิษ บำรุงธาตุ สรรพคุณของผักบุ้ง โดยเฉพาะผักบุ้งแดง คนที่ชอบเป็นตาต้อ ตาแดง หรือคันนัยน์ตาบ่อย ๆ ตลอดจนมีอาการตาฟ่าฟาง จำพวกคนสายตาสั้น จะทำให้สายตาที่แจ่มใส บำรุงสายตา ทำให้ไม่เป็นโรคกระเพาะ ฯ

February 4, 2013

โหระพามีสรรพคุณทางสมุนไพรสูงมาก

Category: Uncategorized – noum77 4:05 am

โหระพามีสรรพคุณทางสมุนไพรสูงมาก

ใบโหระพา เป็นแหล่งเบต้าแคโรทีน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการป้องกันโรค เช่น โรคหัวใจขาดเลือดและมะเร็ง โหระพา 1 ขีด มีเบต้าแคโรทีนสูง คือ 452.16 ไมโครกรัม ใบโหระพามีกลิ่นเฉพาะใช้เป็นผักสด ใช้ปรุงแต่งกลิ่นอาหารและมีธาตุแคลเซียมสูงด้วย

นอกจากจะเป็นอาหารแล้ว โหระพายังเป็นสมุนไพรด้วย เพราะมีสรรพคุณทางยาอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

1. แก้ไข้ ปวดศรีษะ ขับเหงื่อ ขับลม ขับเสมหะ ขับพยาธิ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย ช่วยเจริญอาหาร โดยใช้ยอดอ่อนต้มกับน้ำรับประทานเป็นชาหรือรับประทานเป็นผักสด

2. ใช้เป็นยาขับปัสสาวะและยาระบายอ่อน ๆ เพื่อแก้อาการท้องผูก โดยนำเมล็ดแก่แช่น้ำให้พองตัวเต็มที่รับประทานกับขนมหวานโดยผสมกับน้ำหวานและน้ำแข็ง

3. ใช้รักษาอาการเหงือกอักเสบเป็นหนอง โดยบดใบโหระพาแห้งให้เป็นผงทาบริเวณที่เป็น

4. บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน โดยคั้นน้ำจากใบโหระพาสด ประมาณ 1ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอ้อย 2ช้อน รับประทานวันละ 2ครั้ง พร้อมกับน้ำอุ่น

5. แก้สะอึก โดยใช้ใบโหระพาสดหรือแห้งพร้อมขิงสดแช่ในน้ำเดือดรับประทานในขณะที่น้ำยังร้อน

6. น้ำมันโหระพาสามารถฆ่ายุงและแมลงได้

7. เมล็ดแก่แช่น้ำใช้พอกแผลบรรเทาอาการฟกช้ำ

น้ำมันโหระพา

น้ำมันโหระพา เป็นน้ำมันหอมระเหยที่พบในใบโหระพามีร้อยละ 1.5 องค์ประกอบทางเคมีที่สำคัญ คือ Methylcha vicol และสกัดได้จากใบโหระพาพันธุ์ไทย โดยการกลั่นด้วยไอน้ำ เป็นของเหลวใสสีเหลืองอ่อน หรือเหลืองอมน้ำตาลปราศจากตะกอนและสารแขวนลอย ไม่มีการแยกชั้นของน้ำ มีกลิ่นเฉพาะตัว มีคุณสมบัติแก้จุกเสียดแน่นท้อง

น้ำมันหอมระเหยช่วยการย่อยอาหารเนื้อสัตว์ ช่วยคลายการหดเกร็งของกล้ามเนื้อและช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จึงช่วยให้สบายท้องขึ้น มีกลิ่นหอมหวาน มีคุณสมบัติช่วยให้สงบ มีสมาธิ ลดอาการซึมเศร้า ข้อควรระวังในการใช้คือ ทำให้เกิดอาการแพ้ง่าย สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยง

การใช้เป็นยาสมุนไพร

โหระพามีสรรพคุณทางยาสมุนไพรที่หลากหลาย ใบสดของโหระพามีสรรพคุณแก้ท้องอืด เฟ้อ ขับลมจากลำไส้ ต้มดื่มแก้ลมวิงเวียน ช่วยย่อยอาหาร ใช้ตำพอกหรือประคบแก้ไขข้ออักเสบ แผลอักเสบ ต้มใบและต้นสดเข้าด้วยกัน ต้มเอาน้ำดื่ม แก้หวัด ขับเหงื่อ ถ้าเด็กปวดท้อง ใช้ใบโหระพา 20 ใบ ชงน้ำร้อนและนำมาชงนมให้เด็กดื่มแทนยาขับลมได้ ใบโหระพาแห้งต้มกับน้ำ มีสรรพคุณต้านเชื้อก่อโรค

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก wikipedia

January 29, 2013

หัวไชเท้ามีสรรพคุณทางยาอย่างไร

Category: Uncategorized – noum77 4:09 am

หัวไชเท้ามีสรรพคุณทางยาอย่างไร

หัวไชเท้า

แม้ว่าเกิด แก่ เจ็บ ตายจะเป็นกฎของธรรมชาติ แต่เมื่อนึกถึงรอยย่นบนหน้าผากและตีนกาที่ฟ้องอายุของตัวเอง ความรู้สึกในใจก็ยากที่จะยอมรับเช่นกัน บางคนถึงกับต้องตระเวนไปหาร้านถ่ายรูปที่มีฝีมือแต่งหน้าแต่งผม แต่งตัวให้ดูดี ถึงขนาดถ่ายรูปออกมาแล้วคนในบ้านตัวเองก็จำไม่ได้ว่าเป็นรูปใคร ๆ ทุกปีอยู่แล้ว

แต่รูปถ่ายที่ลงทุนไปมากโขนี้มีประโยชน์ตรงที่เอาไว้ส่องแทนกระจกเท่านั้น เพราะอะไรที่เคยตึงก็เริ่มจะเหี่ยว ที่มีเงินหน่อยก็สามารถพบศัลยแพทย์ตัดโน่นดึงนี่เพื่อให้ดูตึงเหมือนเดิม ยิ่งมีข่าวประโคมถึงสมุนไพรตัวโน้นตัวนี้ช่วยให้ดูสวยดูดีก็ฮือฮากันไม่เลิก

อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ มีนักวิชาการออกมาสัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เกี่ยวกับกวาวเครือว่าสามารถทำให้อวัยวะบางอย่างอึ๋มขึ้น สาวน้อยสาวใหญ่ก็ให้ความสนใจกันไม่น้อยแม้แต่สาววัยทองทั้งหลายก็พยายามเสาะหามากิน ทั้งที่เลยวัยให้ลูกดูดนมไปแล้ว หารู้ไม่ว่าหัวกวาวเครือเอง มีข้อจำกัดในการกินมากมาย แถมยังมีหลากหลายสายพันธุ์

ปัจจุบันกวาวเครือไม่มีการปลูก ต้องเอามาจากป่าเท่านั้น อย่างไรก็ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในขณะนี้ได้ ประชาชนก็อาจจะได้กวาวเครือปลอมปน เผลอๆ ปนยาแผนปัจจุบัน อันตรายจะตายไป อย่าเสี่ยงดีกว่า

ที่จริงแล้วความแก่หรือไม่แก่มันอยู่ที่ใจ ถ้าจิตใจแจ่มใสกี่ปีผ่านไปก็ดูไม่แก่ จิตใจจะแจ่มใสได้ นอกจากจะทำใจให้เบิกบานแล้วร่างกายต้องแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าด้วย คงจะยากถ้าร่างกายเจ็บออดๆ แอดๆ สามวันดี สี่วันไข้แล้ว จิตใจจะยังสดใสอยู่ การออกกำลังกาย การกินอาหารที่ถูกต้องจึงมีส่วนเสริมสุขภาพกายและจิตเป็นอย่างมาก

เมนูอาหารของคนวัยทองมีสมุนไพรชนิดหนึ่งที่หาได้ง่ายกว่ากวาวเครือมากนักคือ ไชเท้า ซึ่งเป็นผักที่สามารถซื้อหาได้ด้วยตัวเองไม่ต้องถูกใครต้ม

ไชเท้า มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Raphanus sativus Linn. อยู่ในวงศ์ Crutiferae เป็นสมุนไพรที่มีอยู่ในตำรายาจีน (หรือแม้แต่ของฝรั่งก็ใช้สมุนไพรตระกูลเดียวกันในสรรพคุณเช่นนี้สมุนไพรที่ว่าคือ Horseradish) โดยแนะนำให้คนวัยทองนำหัวไชเท้าดิบมาหั่นซอยเป็นเส้นฝอยกินวันละประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ หรือมื้อละ 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 2 ครั้ง (ถ้ารู้สึกมีกลิ่นฉุนอาจรับประทานร่วมกับน้ำผึ้ง)

โดยเชื่อว่าจะทำให้ผิวพรรณสดใสมีน้ำมีนวล ดูเปล่งปลั่งเหมือนคนหนุ่มสาว ทั้งยังเชื่อว่าหัวไชเท้าช่วยกำจัดพิษ สามารถช่วยให้ปัสสาวะใส ไม่ขุ่น ช่วยชำระล้างผนังกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยย่อย และช่วยทำให้หายใจโล่งขึ้น

หัวไชเท้าหรือผักกาดหัวมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน (เจ้าถิ่นที่ยังยืนหยัดเป็นหลักให้กับ เอเซียทั้งทางด้านการแพทย์ตะวันออกและค่าเงินหยวน) แต่ตอนหลังหัวไชเท้าก็แพร่หลายไปทั่วตามการอพยพย้ายถิ่นของคนจีน นิยมรับประทานเป็นอาหาร ใช้ทำเป็นแกงจืด แกงส้ม ต้มจับฉ่าย หรือเอามาดองเค็ม ตากแห้ง ทำเป็นหัวไชโป๊ แล้วนำมาปรุงเป็นอาหารกินกับข้าวต้มกุ๊ยได้อีกหลายๆ ตำรับ

ที่สำคัญคือเจ้าหัวไชเท้านี่มีสารโปรวิตามินเอ ที่จะเปลี่ยนเป็นวิตามินเออยู่สูงมาก หัวไชเท้าจึงเป็นแหล่งวิตามินเอที่หาง่ายและราคาถูก

หัวไชเท้าเป็นอาหารที่ดีมาก ตำราจีนกล่าวว่าไชเท้ามีสรรพคุณในการกระจายสิ่งหมักหมมในร่างกาย ละลายเสมหะ แก้พิษ ลดความดัน ขยายหลอดลมและหลอดเลือด จึงควรเป็นอาหารที่อยู่ในเมนูของคนที่ป่วยเป็นโรคหวัด ไอเสียงแหบแห้ง ท้องขึ้นเนื่องจากอาหารไม่ย่อย คออักเสบเรื้อรัง

ตำรับยามีดังนี้ นำหัวไชเท้าสดมาคั้นน้ำแล้วเติมน้ำขิง เติมน้ำตาลทรายขาวพอหวาน ต้มให้เดือดแล้วจิบบ่อยๆ หรือนำหัวไชเท้ามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มน้ำดื่มแก้กระหาย รวมทั้งสามารถนำหัวไชเท้าสดมาตำให้แหลก คั้นเอาแต่น้ำ เติมน้ำตาลทรายพอหวานรับประทาน

หรือนำไชเท้าหนึ่งหัวมาล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ไว้ในขวดแก้ว โรยน้ำตาล 2-3 ช้อนโต๊ะ ปิดฝาทิ้งไว้หนึ่งคืน รินน้ำรับประทานเป็นประจำ เหมาะกับคนที่เป็นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ไอมีเสมหะ ไอหอบ

การทำเมนูอาหารบำรุงสุขภาพด้วยตัวเองจากสมุนไพรที่เรารู้จักเป็นอย่างดี รู้แน่ๆ ว่าไม่เป็นพิษเป็นภัย เป็นสิ่งที่คุ้มกว่าการไปตะเกียกตะกายหาสมุนไพรที่เราไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น เชื่อตามนักวิชาการที่บางทีก็ครึ่งๆ กลางๆ ในความรู้ ไม่รู้ทั้งแผนโบราณและแผนใหม่ ทำให้สังคมสับสนอลเวงไปหมด

January 24, 2013

ลิ้นจี่สรรพคุณต้านมะเร็งเต้านม

Category: Uncategorized – noum77 3:52 am

ลิ้นจี่สรรพคุณต้านมะเร็งเต้านม

ลิ้นจี่ Litchi chinensis Sonn.

ชื่ออื่น Lychee  ลี่จือ (จีน) Alupag (ฟิลิปปินส์) เป็นพืชชนิดเดียวของจีนัส Litchi ในวงศ์ Sapindacese

ลิ้นจี่เป็นไม้เขตร้อนมีต้นกำเนิดที่ประเทศจีนตอนใต้ ไปถึงทางใต้ของประเทศอินโดนีเซียและทางตะวันออกของหมู่เกาะฟิลิปปินส์  ปัจจุบันมีการปลูกลิ้นจี่ทางตอนใต้ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย

ชื่อลิ้นจี่ในภาษาจีนมีความหมายว่า ” ของขวัญเพื่อชีวิตที่เบิกบาน” ปัจจุบันเป็น “ผลไม้แห่งห้วงรัก” ของจีน

ลักษณะทั่วไป
ลิ้นจี่เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางมีความสูงประมาณ ๑๑-๑๒ เมตร แตกกิ่งก้าน บริเวณยอดกลม
ใบ  เป็นใบประกอบคล้ายขนนก ใบหนา รูปใบรี ขอบใบขนาน ลักษณะคล้ายหอก ปลายใบแหลม ใบดกหนาทึบ ผิวใบมัน
ดอก  ออกดอกเป็นช่อ  ดอกย่อยมีขนาดเล็ก
ผล  รูปร่างกลมรี ผิวผลคล้ายหนังขรุขระสากมือ คล้ายมีหนามขนาดเล็ก ผลอ่อนมีสีเขียว ผลแก่จัดมีสีแดงและแดงคล้ำตามลำดับ เนื้อในสีขาว มีรสหวานอมเปรี้ยว เมล็ดเดี่ยวมีสีน้ำตาลแดงแข็ง
ส่วนที่ใช้  เนื้อผล เปลือกผล เมล็ด เปลือกต้น ราก

ประเทศจีนและแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กินเนื้อผลสุก เนื้อผลตากแห้ง หรือเนื้อผลลิ้นจี่บรรจุกระป๋อง
ราวร้อยกว่าปีมาแล้วประเทศจีนดองลิ้นจี่ทั้งเปลือก ในน้ำเกลือบรรจุไหส่งเป็นสินค้าออกไปกับเรือเดินสมุทร มาขายในประเทศไทย กว่าจะมาถึงก็เริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว
ประเทศไทยกินลิ้นจี่สด ลิ้นจี่กระป๋อง นำลิ้นจี่มาทำเป็นเครื่องดื่ม ไอศกรีม และใช้ประกอบอาหารคาวบ้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น   ซีกโลกตะวันตกและสหรัฐอเมริกากินลิ้นจี่เป็นส่วนประกอบของอาหารจานเนื้อสัตว์ ลิ้นจี่เป็นผลไม้มีรสอ่อนจึงเข้าได้กับทั้งเป็ด ไก่ หมู แฮม ปลา และอาหารทะเลอื่นๆ ปรุงเป็นเครื่องดื่ม กวนแยม ใส่ใน  สลัด ทำไอศกรีม ปรุงอาหารเบเกอรี่ เข้าในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ลิ้นจี่มาร์ตินี่ ปรุงเป็นลูกกวาดและ ขนมหวานต่างๆ นอกจากนี้ ที่จีนยังใช้ลิ้นจี่แห้งเพิ่มความหวานให้ชาแทนการเติมน้ำตาล

คุณค่าทางอาหาร
ลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่มีรสหวานอมเปรี้ยว มีกลิ่นหอมหวานชวนกิน คนไทยกินผลสด และนำลิ้นจี่มาทำเป็นน้ำผลไม้ดื่มแก้กระหายน้ำ  รสชาติหอมหวานชื่นฉ่ำใจ

ลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน และน้ำตาล มีน้ำมันหอมระเหย และมีกรดอินทรีย์บางชนิด วิตามิน  บี 1 ในลิ้นจี่ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา วิตามินบี 2 ช่วยให้ ร่างกายเจริญเติบโตป้องกันไขมันอุดตันหลอดเลือด แคลเซียมเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง อีกทั้งยังมีไนอะซีน ช่วยเปลี่ยนน้ำตาลและไขมันให้เป็นพลังงานช่วยระบบย่อยอาหาร

ลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่เหมาะสมกับการรักษารูปร่าง ลิ้นจี่ 1 ถ้วย (6 ผล ไม่แกะเมล็ดออก) ให้พลังงานเพียง 125  แคลอรี มีไขมันน้อยกว่า 1 กรัม ลิ้นจี่มีวิตามินบี 2 โพแทสเซียม และมีวิตามินซีสูงมาก กินลิ้นจี่เพียงวันละ 3 ผลก็ได้วิตามินซีครบถ้วนตามความต้องการใน 1 วัน เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ช่วยบำรุงหลอดเลือด กระดูกและฟัน ในฤดูลิ้นจี่จึงควรกินลิ้นจี่แทนวิตามินซีสังเคราะห์สักระยะหนึ่ง

เนื้อในผล  กินเป็นยาบำรุง แก้อาการไอเรื้อรัง แก้อาการคัดจมูก รักษาอาการท้องเดิน  ลดกรดในกระ-เพาะอาหาร และบรรเทาอาการไม่ปกติของระบบทางเดินอาหาร
ประเทศจีนใช้ชาเปลือก ลิ้นจี่บรรเทาอาการหวัด แก้การติดเชื้อในลำคอ อาการท้องเสียอย่างอ่อน และโรคจากการติดเชื้อไวรัส เมล็ดมีฤทธิ์แก้ปวดบวม โดยใช้บดเป็นผงชงน้ำดื่ม หรือใช้พอกบริเวณมีอาการ ชาต้มรากลิ้นจี่หรือเปลือกต้นใช้แก้อาการติดเชื้อ ไวรัส อีสุกอีใส และเพิ่มความสามารถระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลิ้นจี่มีปริมาณเส้นใยอาหารสูง มีปริมาณพลังงาน ต่ำ และเชื่อกันว่ามีคุณสมบัติช่วยเผาผลาญสารอาหารในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ  ปัจจุบันจึงมีการกล่าวอ้างถึงสรรพคุณลิ้นจี่ในผลิตภัณฑ์ช่วยควบคุมอาหารและ ลดน้ำหนัก แต่ไม่พบที่มาของสรรพคุณในการเผาผลาญสารอาหารดังกล่าว

ลิ้นจี่ต้านมะเร็งเต้านม

เนื้อลิ้นจี่และเปลือกลิ้นจี่มีสารฟลาโวนอยด์หลายชนิด งานวิจัยจากประเทศจีน 2 ชิ้นพบว่าส่วนเพอริคาร์พ (เปลือกและเนื้อผล) ของลิ้นจี่มีสารกลุ่มฟลาโวนอลที่สำคัญคือ โพรไซยาไนดินบี 4 ไพรไซยา- ไนดินบี 2 และอีพิคาเทชิน ส่วนแอนโทไซยานินที่สำคัญคือ ไซยาไนดิน3-  รูตินโนไซด์ ไซยาไนดิน-3กลูโคไซด์ เควอเซทิน-3- รูติโนไซด์ และเควอเซทิน-3-กลูโคไซด์ สารเหล่านี้แสดงฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นที่ดี โดยในกลุ่มฟลาโวนอลพบว่าโพรไซยาไนดินบี 2 กำจัดไฮดรอกซี่เรดิคัลและซูปเปอร์-ออกไซด์แอนอิออนได้ดีที่สุด

ส่วนโพรไซยาไนดินบี 4 โปรไซยาไนดินบี 2 และอีพิคาเทชินมีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งชนิดอื่นๆ อีก และมีพิษต่อเซลล์ปกติน้อยกว่ายาพาซิทาเซลที่ใช้ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ มีรายงานว่าสารสกัดเพอริคาร์พของลิ้นจี่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเซลล์ มะเร็งเต้านม ทั้งในห้องทดลองและในสัตว์ทดลอง โดยยับยั้งการขยายจำนวนเซลล์ การควบคุมการสื่อสารระหว่างเซลล์มะเร็ง การสร้าง mRNA และเหนี่ยวนำให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็งดังกล่าวแบบอะป๊อบโทซิสในระดับยีน และยับยั้งผลต่อเนื่องในการแทรกตัว การยึดเกาะพื้นผิวของเซลล์มะเร็ง พบว่าขนาดของก้อนมะเร็งเต้านมในหนูทดลองลดลงร้อยละ 41 เมื่อได้รับสารสกัดเอทานอล ของเพอริคาร์พของลิ้นจี่ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการพิจารณาผลิตเป็นอาหารเสริมให้กับผู้ป่วยมะเร็ง

งานวิจัยอีกชิ้นจากประเทศจีนรายงานว่า สารสกัดจากลิ้นจี่ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งของผู้ป่วยที่เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน รายงานจากสหรัฐอเมริกาพบว่าสารสกัดลิ้นจี่ลดขนาดเนื้องอกในสัตว์ทดลอง

January 21, 2013

ที่ดินติดถนนเมืองราชบุรีเหมาะต่อการเก็งกำไร

Category: Uncategorized – noum77 4:52 am

ที่ดินติดถนนเมืองราชบุรีเหมาะต่อการเก็งกำไร

พอดีบ้านผมต้องการขายที่ดินอะครับ ก็ไม่ได้รีบขายอะไรหรอกครับ เเต่เห็นว่าพอจะทำ blog เป็นก็เลยลองเอามาโพสดู เผื่อใครมีความสนใจ ก็ลองโทรติดต่อมาได้นะครับ เออ อันที่จริงเเล้วมันก็ไม่ใช่ที่ดินผมซะด้วย เเต่เป็นของเเม่ผม หนะครับ ผมว่าสวยนะครับ เพราะทำเลน่าสนใจมากๆ ครับ เเถม มันมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า หน้ากว้างติดถนนครับ
ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน

ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน
จากรูปข้างบนนะครับ จะเห็นลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมเลยนะครับ ยาวติดถนนเลยครับ ออกเเนวสี่เหลี่ยมผืนผ้า เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 3 งานครับ อีก 7 ตารางวา ครับ ติดถนนเลยครับ
ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน

ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน
ตัวที่ดินอยู่ต่ำกว่าพื้นถนนประมาณ 1 เมตรได้ครับ เพราะ ตอนนี้ก็นำไปใช้ปลูกข้าวครับ อยู่ครับ เพราะข้างหลังติดคลองชลประทานครับมีน้ำสบายถ้าจะใช้น้ำในการปลูกข้าว
ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน

ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน
เจ้าของที่ดินเค้าชื่อ คุณ ทุเรียน มณเทียร นะครับ บ้านอยู่ราชบุรี  ครับ เค้าประกาศขายอยู่ที่ไร่ละ 1900000 บาทครับ ต่อรองกันได้ครับ เนื้อที่มี 5 ไร่ 3 งาน เช็คหมดเเล้วครับ ว่าสามารถทำโรงงานได้ครับ เพราะไปถามกรมที่ดินมาเเล้วครับ
ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน

ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน
สถานที่ตั้งของที่ดินตรงนี้นะครับ ติดถนน เพชรเกษม สายเก่า ทางไปเพชรบุรี ติดถนน 2 เลน ตรงข้าม เยื้องวัดหนองบัว ส่วนเบอร์ติดต่อเจ้าของที่ 032-338048 ทางที่ดีติดต่อผ่านมือถือเจ้าของที่ได้ครับที่เบอร์ 085-9695231
ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน

ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน ที่ดินราชบุรีติดถนน
สรุปรายละเอียดครับ

- พื้นที่ดิน :: 5:ไร่:3:งาน :0:ตารางวา: / ขนาดที่ดิน เป็น ตรว: 2300 :ตรว:
- ราคาที่ดิน :: ไร่ละ 1900000 : บาท สามารถต่อรองได้ครับ
- ที่ตั้ง :: ราชบุรี
- ติดต่อ :: ทุเรียน มณเทียร : 032-338048 (เจ้าของที่ดิน)เบอร์ 085-9695231

http://teedintidtanon.blogspot.com/

January 19, 2013

สมุนไพรบำรุงตับให้เเข็งเเรง

Category: Uncategorized – noum77 4:38 am

สมุนไพรบำรุงตับให้เเข็งเเรง

มะขามป้อมเป็นสมุนไพรที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เป็นผลไม้ที่จัดเป็นโอสถในตัว พระภิกษุสามารถเก็บไว้ฉันได้แม้ในยามวิกาล

ปัจจุบันมีการศึกษาประโยชน์ของมะขามป้อมมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดการยืนยันสรรพคุณของเก่า และค้นพบของใหม่ๆ มากขึ้น เช่น มะขามป้อมมีวิตามินซีสูงมาก กล่าวกันว่ามีมากกว่าแอปเปิ้ลถึง 160 เท่า และวิตามินซีในมะขามป้อมยังสามารถคงสภาพอยู่ได้แม้จะถูกทำให้แห้งหรือเก็บในสภาวะเย็นเป็นเวลานาน
การศึกษาในภายหลังช่วยให้เข้าใจเพิ่มขึ้นอีกว่า ในผลมะขามป้อมมีสารพวกแทนนินและโพลี่ฟีนอล ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดออกซิไดซ์ของวิตามินซี จึงทำให้วิตามินซีรักษาสภาพไว้ได้นาน ดังนั้น ทั้งปริมาณและคุณภาพของวิตามินซีในมะขามป้อมจึงไม่ต้องตั้งคำถามให้แคลงใจ

เปรียบเทียบได้ว่า กินมะขามป้อมเพียง 1 ผล ก็จะได้รับวิตามินซีเพียงพอสำหรับร่างกายใน 1 วัน
ในมะขามป้อมยังมีแร่ธาตุพวกฟอสฟอรัส แมกนีเซีย กำมะถันเหล็ก แมงกานีส สังกะสี คอปเปอร์ โซเดียม เซเลเนียม สูงกว่าแอปเปิ้ลหลายเท่าด้วย

การที่มะขามป้อมมีวิตามินซีสูงจึงทำให้มะขามป้อมเป็นแหล่งของธาตุเหล็กได้ดี เพราะวิตามินซีช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก นอกจากนี้ มะขามป้อมยังมีกรมอะมิโนแอซิดที่จำเป็นแก่ร่างกาย ซึ่งพบได้น้อยในพืช คือ Iysine และ methionine กรดอะมิโนแอซิดเหล่านี้มีมากกว่าในแอปเปิ้ลถึง 3 เท่า

ใครที่ต้องการควบคุมอาหาร แต่ก็กลัวขาดกรดอะมิโนแอซิดที่สำคัญ ไม่ควรมองข้ามมะขามป้อม

สรรพคุณทางยาของผลมะขามป้อมมีมากมายหลายอย่าง ตั้งแต่ฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอล ลดความดัน ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร เป็นต้น

แต่ฤทธิ์ที่น่าสนใจของผลมะขามป้อมในปัจจุบันคือ ฤทธิ์ยับยั้งความเป็นพิษต่อตับ มะขามป้อมอยู่ในสกุลเดียวกับพวกหญ้าใต้ใบที่เคยมีรายงานว่ามีฤทธิ์รักษาอาการตับอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี

ในการศึกษาฤทธิ์ของมะขามป้อมพบว่าน้ำคั้นผลมะขามป้อมสด มีฤทธิ์ป้องกันการเกิดพิษต่อตับของสารพิษพวกโลหะหนักได้ และยังมีรายงานว่าสารสกัดของมะขามป้อม ลูกใต้ใบและโกฐก้านพร้าว สามารถยับยั้งการเกิดมะเร็งต่อตับได้ดีเมื่อทดสอบในสัตว์ทดลอง

นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาพบว่าผลมะขามป้อมมีฤทธิ์ต้านมะเร็งในหนูโดยกระตุ้น natural killer cells และ antibody dependent cellular cytotoxicity (ADCC) activities ในหนู ซึ่งอาจพูดได้ว่ามะขามป้อมเป็นผลไม้ที่มีสารแอนตี้ออกซิเดชั่นอย่างแรง

ปัจจุบันมะขามป้อมได้ยกฐานะตนเองเป็นส่วนประกอบของยา ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรในอเมริกาแล้ว ซึ่งมีอยู่ในหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น Shawkat ซึ่งเป็นยาที่มีผลมะขามป้อมเป็นส่วนประกอบหลักถึง 40% ระบุว่า ใช้รักษาผู้ป่วยที่กำลังมีอาการของโรคตับอักเสบบีและซีได้ผลดี และยังระบุเพิ่มเติมว่ายาดังกล่าวมีผลกระตุ้นเซลล์ตับทดแทนเซลล์ที่ถูกทำลาย ลดคอเลสเตอรอล กระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำเหลือง และเพิ่มการตอบสนองของภูมิคุ้มกันส่งผลให้สามารถกำจัดดีเอ็นเอของไวรัสที่ยังไม่ตายจนหมดสิ้น

ยาอีกชนิดหนึ่งที่มีมะขามป้อมเป็นส่วนประกอบและได้รับการจดสิทธิบัตรชื่อ Livzon ซึ่งเป็นสารสกัดด้วยน้ำของสมุนไพร 5 ชนิด ใช้สำหรับป้องกันหรือรักษาโรคจากสภาวะเอดส์ ไขหวัดใหญ่ วัณโรค ตับอักเสบ ตับแข็งและสภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นส่วนผสมของยา Livad รักษาตับอักเสบ ยา Glufac รักษาเบาหวาน เป็นต้น

หมอยาพื้นบ้านของไทยนิยมใช้ผลมะขามป้อมแก้ไอขับเสมหะ แก้โรคลักปิดลักเปิด ริมสีดวงทวาร ดีซ่าน ยาระบาย บำรุงร่างกาย หรือจะเรียกว่ามะขามป้อมเป็นยาอายุวัฒนะของคนไทยดีๆ นี่เอง
ปัจจุบันรัฐบาลพยายามส่งเสริมโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หากคนไทยช่วยกันหันมามองคุณค่าของมะขามป้อม คิดค้นผลิตภัณฑ์จากมะขามป้อมก็คงจะดีไม่น้อย เพราะมะขามป้อมขึ้นได้ทั่วไปในทุกภาคของประเทศไทย

เป็นผลไม้ที่เรากินกันมานาน คุณค่ามากมายกว่าผลเล็กๆ

ทุกวันนี้เห็นโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรผลิตน้ำมะขามป้อมบรรจุขวด แต่ติดที่กฎระเบียบของคณะกรรมการอาหารและยา ทำให้ไม่สามารถแจ้งสรรพคุณของมะขามป้อมได้ ก็ทำให้คนที่สนใจขวนขวายหาความรู้เอาเอง นอกจากเครื่องดื่มรสดี สรรพคุณคับขวดแล้ว โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรยังพัฒนามะขามป้อมเป็นยาน้ำแก้ไอ ที่ผู้บริโภคหลายท่านนิยมใช้

คนในยุคนี้มีโอกาสจะเป็นโรคตับอักเสบ โดยเฉพาะคนไทยเป็นมะเร็งตับมากกว่ามะเร็งชนิดอื่นๆ หากเราพัฒนาผลิตภัณฑ์จากมะขามป้อม เป็นเครื่องดื่ม เป็นยา เป็นอาหารกินเล่นก็จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพตับของคนไทย

เพิ่มเติมครับที่ดินติดถนนราชบุรีสวย 5ไร่3งานครับ หน้ายาวติดถนนเลย เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า

ภาพที่ 1

http://teedintidtanon.blogspot.com/

January 10, 2013

ประโยชน์ของมะเขือเทศ

Category: Uncategorized – noum77 4:43 am

ประโยชน์ของมะเขือเทศ

เมื่อวานนี้ไปกินเเมคมา ไม่เคยเลยซักครั้งที่จะ กินซอสมะเขือเทศ ลองกินเเล้วติดใจมากๆ ทำให้ตอนนี้ไม่กินเเล้วซอสพริก

น่าสน น่าสน ลองอ่านกันดูเเล้วกันครับ

โดย: มัณฑนา

สวย อร่อย อุดมวิตามิน สโลแกนเค้าล่ะ

“เล่นเอาทั้งความสวยความดีประจำตัวมามัดใจ โกยคะแนนคนกินไปเสียหมดอย่างนี้ แล้วจะไม่ให้บรรดาพรรณพืชด้วยกันอิจฉายายมะเขือเทศตัวแดงนี้ได้ยังไง”

ลองนึกเล่น ๆ นะคะว่าถ้าให้เลือกพืชผักผลไม้ยอดนิยมในใจขึ้นมาสักอย่างหนึ่ง ตัวเองก็คงยกคะแนนเทใจให้กับ “มะเขือเทศ” ตัวกลม ๆ สีแดงสวยที่หมู่เพื่อน ๆ ตาร้อนใส่นี่แหละ

ไม่ใช่เพราะว่าทั้งหน้าทั้งหุ่นคล้ายมะเขือเทศหรอก แต่ความดีในตัวเจ้ามะเขือเทศนี่มีมากโขต่างหากล่ะ ที่เข้าเส้นชัยชนะใจเราขาดลอย

เรื่องรสชาติจัดจ้านและสีสันแดงเด่นอันนี้คงไม่ต้องพูดถึง แต่คุณสมบัติในตัวซึ่งซุกซ่อนอยู่ที่ได้รู้มานี่สิน่าสนใจกว่ากันเยอะ เริ่มตั้งแต่อุดมไปด้วยวิตามินตัวสำคัญไม่ว่าจะเป็น วิตามินเอที่บำรุงสายตา และผิวพรรณให้สวยสดใสวิตามินบีซึ่งช่วยให้ระบบต่าง ๆ ภายในตัวของเราไม่เกเรยอมทำงานได้เป็นปกติ และวิตามินซีช่วยป้องกันต้านโรคร้ายต่าง ๆ ที่จะมารังแก ทำให้ไม่นอนซมเป็นไข้ไม่สบายบ่อย ๆ แถมแคลอรีก็น้อย กินได้คล่องปากสบายใจ ไม่มีเรื่องของไขมันและน้ำหนักตัวมาทำให้หวาดหวั่น

แต่ที่เด็ดกว่านั้นก็คือมีการค้นพบทางการแพทย์ว่า ถ้าหมั่นใช้บริการ กินมะเขือเทศบ่อย ๆ เป็นประจำ จะเป็นทางหนึ่ง ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกคุกคามของเจ้ามะเร็งตัวร้ายให้ลดน้อยลงได้ เพราะมีสาร “ไลโคฟีน” ตัวแอนตี้ออกซิแดนท์ต้านมะเร็ง เหมือนกับเบต้าแคโรทีนที่เราคุ้นชื่อกันดี แต่ไลโคฟีนซึ่งพบมากที่สุดในมะเขือเทศลูกแดง ๆ นี้มีฤทธิ์มากกว่าคุณเบต้าฯ ตั้ง 2 เท่าเลยเชียวนะ … ว้าว!!

มีให้กินตลอดปี ราคาเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋า จะเอามานึ่ง-ต้ม-ตุ๋น-ทอด เมนูไหนสไตล์อะไรก็ได้ทั้งนั้น แล้วจะไม่ไห้หลงรักเลือกมะเขือเทศเป็นขวัญใจได้ไงกัน

อ้างอิงจา  คลิปจาก youtube ภาพจาก อินเตอร์เน็ต

January 5, 2013

ผักกาดขาวมีสรรพคุณอย่างไร

Category: Uncategorized – noum77 8:19 am

ผักกาดขาวมีสรรพคุณอย่างไร

1 สะเดา (Neem tree) มีเบต้าแคโรทีนสูง บำรุงสายตา เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้นอนหลับ

2 ผักกาดขาว (Chinese white cabbage) ช่วยระบบย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ มีโฟเลทสูง บำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์

3 ต้นหอม (Shallot) มีน้ำมันหอมระเหย บรรเทาอาการหวัด มีสารฟลาโวนอยด์ต้านมะเร็ง

4 แครอท (Carrot) เบต้าแคโรทีนป้องกันโรคมะเร็ง มีแคลเซียม แพคเตท ลดระดับ คลอเลสเตอรอลได้
5 หอมหัวใหญ่ (Onion) มีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
6 คะน้า (Chinese kale) มีแคลเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และมะเร็ง
7 พริก (Chilli) มีแคปไซซินกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือด ช่วยให้เจริญอาหาร ขับเหงื่อ

8 กระเจี๊ยบเขียว (Okra) ลดความดันโลหิต บำรุงสมอง ลดอาการกระเพาะหรือลำไส้อักเสบ
9 ผักกระเฉด(Water mimosa) ดับพิษไข้ กากใยช่วยระบบขับของเสีย เพิ่มการเผาผลาญสารอาหาร
10 ตำลึง (Ivy gourd) มีวิตามินเอสูง ดีต่อดวงตา เส้นใยจับไนเตรต ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร
11 มะระ (Chinese bitter cucumber) มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นยาระบายอ่อน ๆ น้ำคั้นลดระดับน้ำตาลในเลือด
12 ผักบุ้ง (Water spinach) บรรเทาอาการร้อนใน มีวิตามินเอบำรุงสายตา ธาตุเหล็กบำรุงเลือด
13 ขึ้นฉ่าย (Celery) กลิ่นหอม ช่วยเจริญอาหาร มีวิตามินเอ บี และซี บำรุงสมอง ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด
14 เห็ด (Mushroom) แคลอรีน้อย ไขมันต่ำ มีวิตามินดีสูง ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เสริมกระดูกและฟัน
15 บัวบก (Indian pennywort) มีวิตามินบีสูง ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย บำรุงสมองและความจำ บำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ
16 สะระแหน่ (Kitchen mint) กลิ่นหอมเย็นของใบให้ความสดชื่น ทำให้ความคิดแจ่มใส แก้ปวดหัว
17 ชะพลู (Cha-plu) รสชาติเผ็ดเล็กน้อย แก้จุกเสียด ขับเสมหะ มีแคลเซียมสูง
18 ชะอม (Cha-om) ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ขับลมในลำไส้ มีเส้นใยคอยจับ อนุมูลอิสระ
19 หัวปลี (Banana flower) รสฝาด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ และบำรุงน้ำนม มีกากใย โปรตีน และวิตามินซีสูง

20 กระเทียม (Garlic) ลดไขมันในเลือด ป้องกันหัวใจขาดเลือด ใบกระเทียมมีโฟเลท เหล็ก วิตามินซีสูง
21 โหระพา (Sweet basil) น้ำมันหอมระเหยทำให้โล่งจมูก ช่วยระบายลม มีเบต้าแคโรทีน แคลเซียม
22 ขิง (Ginger) บรรเทาอาการหวัดเย็น ลดอาการคัดจมูก รสเผ็ดร้อน แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ
23 ข่า (Galangal) น้ำมันหอมระเหย ช่วยระบบย่อยอาหารขับลม มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา
24 กระชาย (Wild ginger) บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ มีวิตามินเอและแคลเซียม
25 ถั่วพู (Winged bean) ให้คุณค่าทางอาหารสูง มีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสาร ช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว

26 ดอกขจร (Cowslip creeper) กระตุ้นให้รู้รสอาหาร ให้พลังงานสูง ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน

27 ถั่วฝักยาว (Long bean) มีเส้นใย ช่วยลดคอเลสเตอรอล มีวิตามินซี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก บำรุงเลือด

28 มะเขือเทศ (Tomato) มีวิตามินเอสูง วิตามินซี รสเปรี้ยว ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย และแก้อาการคอแห้ง
29 กะหล่ำปลี (White cabbage) มีกลูโคซิโนเลท เมื่อแตกตัวจะเป็นสารต้านมะเร็ง และมีวิตามินซีสูง
30 มะเขือพวง (Plate brush eggplant) ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยลดความดันเลือด มีแคลเซียม และฟอสฟอรัส

31 ผักชี (Chinese paraley) ขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร มีน้ำมันหอมระเหย แก้หวัด มีวิตามินเอและซีสูง
32 กุยช่าย (Flowering chives) มีกากใยช่วยระบายของเสีย มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
33 ผักกาดหัว (Chinese radish) แก้ไอ ขับเสมหะ เพิ่มภูมิต้านทางโรค มีสารช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้บีบตัวได้ดี

34 กะเพรา (Holy basil) แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง มีเบต้าแคโรทีนสูง ป้องกันโรคมะเร็ง และโรคหัวใจขาดเลือดได้
35 แมงลัก (Hairy basil) ช่วยย่อยอาหาร ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ขับลม ขับเหงื่อ
36 ดอกแค (Sesbania) กินแก้ไขช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง เป็นยาระบายอ่อน ๆ มีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา

January 4, 2013

สมุนไพรขับไขมันเเละน้ำตาล

Category: Uncategorized – noum77 8:15 am

สมุนไพรขับไขมันเเละน้ำตาล

ไม่น่าเชื่อนะครับว่าอาหารไทยเราเเต่ละชนิดเนี่ยยาอยู่ในอาหารที่เรากินกันอยู่ทั้งนั้นเลยครับ ลองไปดูนะครับ ไม่ว่าจะเป็น ส้มตำ ต้มยำ ผัดกระเพราะ หมูทอดกระเทียมเป็นต้นนะครับ

เเต่วันนี้จะพูดถึงกระเพราครับพี่น้อง

ไม่เฉพาะแต่คนไทยเท่านั้นที่รู้จักรับประทานใบกะเพราเป็นอาหารแ ละยา ชาวเอเชียทุกชาติก็รู้จักใบกะเพรา และบางชาติก็รู้จักใช้ประโยชน์จากใบกระเพราดีกว่าคนไทยด้วยซ้ำ

อย่างเช่น ชาวอินเดียที่บูชาใบกระเพราเป็นใบไม้ศักดิ์สิทธิ์ถึงกับตั้งชื่อให้ว่า โฮลลี่ เบซิล (Holy Basil) เพราะนอกจากชาวอินเดียจะใช้ใบกระเพราบูชาเทพเจ้าแล้ว เขายังใช้สมุนไพรตัวนี้ปรุงอาหารประจำวัน ซึ่งก็ไม่ต่างกับคนไทยที่อาศัยกลิ่นและรสของใบกระเพราดับกลิ่นค าวและชูรสอาหาร และยังใช้น้ำต้มใบกระเพราดื่มช่วยขับลมแน่นในท้อง

น้ำต้มใบกระเพราะนั้นปลอดภัย สามารถเหยาะ 2-3 หยด ผสมน้ำนม ขนาด 15 ซีซี ให้ทารกดื่มแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ อันเป็นสาเหตุให้เด็กร้องไห้โยเย

สรรพคุณสำคัญของใบกะเพรา ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้กันทั้งที่ใช้บริโภคกันอยู่ในชีวิตประจำวัน ก็คือ สรรพคุณขับไขมัน เคยสังเกตไหมว่า เหตุใดจึงมีตำรับอาหารไทยจำพวกผัดกะเพราเนื้อ กะเพราหมู กะเพราไก่
เหตุผลไม่เพียงแค่ใช้ใบกะเพราดับกลิ่นคาวเนื้อสัตว์เท่านั้น แต่ที่สำคัญคือช่วยขับไขมันและน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย
มีงานวิจัยหลายชิ้น หลายสำนักที่กล่าวถึงสรรพคุณอันหลากหลายของใบกะเพรา ในที่นี้ขอกล่าวเฉพาะสรรพคุณที่เชื่อมโยงกับฤทธิ์ลดไขมันและน้ำ ตาลของใบกะเพราเท่านั้น

ฤทธิ์ลดไขมัน

มีการใช้กะเพราในกระต่ายทดลอง โดยให้กระต่ายได้รับใบกะเพราสดผสมในอาหาร เพียง 1-2 กรัม/กก./วัน เป็นเวลาติดต่อกัน 4 สัปดาห์ เมื่อตรวจเลือดสัตว์ทดลองแล้ว พบว่า ระดับคอเลสเตอรอลโดยรวม (Total Cholesterol)  ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride)  ฟอสโฟไลปิด (Phospholipids) ลดลงอย่างฮวบฮาบ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอเลสเตอรอลตัวเลว (Low Density Lipoprotein-LDL-Cholesterol) ลดลง พอๆ กับที่ คอเลสเตอรอลตัวดี (High Density-HDL-Cholesterol) เพิ่มขึ้น

ฤทธิ์ลดน้ำตาล

จากการศึกษาในหนูทดลอง ให้ผงใบกะเพราขนาด 200 มิลลิกรัม/กก./วัน ในหนู 3 ประเภท ได้แก่ หนูปกติ หนูที่มีภาวะน้ำตาลสูงจากการให้กลูโคส และหนูที่เป็นเบาหวานโดยการทำลายตับอ่อน พบว่า กะเพราสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของหนูทดลองทั้ง 3 ประเภท นอกจากนี้ น้ำมันหอม ระเหยในใบกะเพรา  (Basil Essential Oil) ยังช่วยให้กลไกควบคุมน้ำตาลในเลือดเป็นปกติด้วย

แน่นอนเมื่อใบกะเพรามีฤทธิ์ลดไขมันและน้ำตาลอย่างมีประสิทธภาพแ ล้ว ย่อมมีผลทำให้มวลร่างกายลดลงอย่างเห็นหน้าเห็นหลัง   โดยเฉพาะน้ำตาลนั้น เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคอ้วนมากกว่าไขมันเสียอีก

อย่างไรก็ตาม การบริโภคใบกะเพราให้ได้ผลในการลดความอ้วนนั้น จะต้องบริโภคทุกวันให้ถูกวิธี ดังนี้

1.   ความสดของใบกะเพรา ใบกะเพราะสดมีน้ำมันหอมระเหยมากกว่าใบกะเพราที่ปรุงสุกแล้ว หรือถ้าใช้ผงกะเพรา จะต้องได้จากกระบวนการอบระเหย เอาเฉพาะน้ำออกไปโดยไม่สูญเสีย น้ำมันหอมระเหยหลายชนิดในใบกะเพรา

2.   ขนาดการใช้  กรณีการใช้กะเพราในคนก็ใช้ในขนาดเท่ากับในสัตว์ทดลองคือ กะเพราสด 2 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน คือถ้าคนหนัก 70 กิโลกรัม ก็ต้องบริโภคใบกะเพราะสด วันละปริมาณ 140-150 กรัม

ถ้าสามารถบริโภคกะเพราตามวิธีข้างต้นรับรองว่า   นอกจากสามารถลดน้ำหนักร่างกายให้ได้ หุ่นสมาร์ทสมใจนึกแล้ว ยังสมาร์ทอย่างมีสุขภาพดีด้วย

เพราะใบกะเพรานั้น นอกจากมีฤทธิ์ลดไขมัน ลดน้ำตาลแล้ว ยังมีฤทธิ์รักษาโรคเบาหวาน  ลดการทำลายผนังหลอดเลือด ลดความเสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดอุดตัน ลดภาวะความดันโลหิตสูง ซึ่งป้องกันโรคหัวใจวาย และโรคเส้นเลือดในสมองตีบตัน อันเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเฉียบพลัน เป็นจำนวนมากในพลเมืองคนอ้วนทั้งหลาย

January 2, 2013

ต้มสมุนไพรจีนอย่างไร

Category: Uncategorized – noum77 8:20 am

ต้มสมุนไพรจีนอย่างไร

การต้มสมุนไพรจีนนี่ก็ไม่ต่างจากการต้มยาไทยมากนักครับ คือใช้ไฟอ่อนเเละ มีขั้นตอนเเต่ละตัวสมุนไพรเท่านั้นครับ ยาบางตัวต้องผ่านน้ำก่อนซัก 1 ครั้งก็เหมือนกับการกินชาเเหละครับ ไม่ต่างกันมากครับ ลองดูครับ

การต้ม (Decotion) คือ วิธีการทั่วไปในการสกัดสารสำคัญจากสมุนไพรจีน ในบทความนี้ เราจะแนะนำวิธีการต้มสมุนไพรให้ออกมาได้ประโยชน์สูงสุดกันนะครับ

การต้มสมุนไพร  ควรใช้ภาชนะที่ไม่ทำปฏิกริยากับสมุนไพร  เช่น  กระเบื้องเคลือบ , หม้อเคลือบ  หรือหม้อสแตนเลส ซึ่งในปัจจุบันมีหม้อต้มไฟฟ้าที่ผลิตจากกระเบื้องเคลือบ หรือสแตนเลส หลากหลายรูปแบบเพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้งานตามความสะดวก

มีขั้นตอนหรือหลักเกณฑ์ง่ายในการต้มสมุนไพรจีน ดังนี้:

เติมน้ำสะอาดให้ท่วมยา  สักประมาณ 1 – 2 นิ้ว แช่ยาไว้สัก  20 – 30 นาที ( เพื่อให้สมุนไพรดูดซับน้ำก่อน)
กรณีต้มด้วยเตาแก๊ส  -  ต้มจนเดือดแล้วหรี่ไฟอ่อนๆ  ต้มต่ออีก  20 – 40 นาที  แล้วแต่ชนิดของสมุนไพร
ส่วนหม้อต้มไฟฟ้า   –  ก็กดปุ่มต้มตามวิธีของหม้อต้มชนิดนั้นๆ  พอถึงเวลาไฟก็จะตัดเอง
เมื่อได้น้ำยาสมุนไพรแล้ว  เทใส่ภาชนะพักไว้สักครู่
ยาสมุนไพร 1 ชุด สามารถต้มได้ 2-3 เที่ยว  แล้วเทน้ำยารวมกัน  แบ่งรับประทานได้ 2 เวลา

ข้อแนะนำในการต้มสมุนไพรจีน
สมุนไพรบางอย่างควรต้มก่อน  เช่น  แร่ , เปลือกหอย , กระดองเต่า  เนื่องจากยาเหล่านี้อัดแน่น  และแข็ง  การสกัดยาค่อนข้างยาก  ยาเหล่านี้ควรต้มก่อน  15 นาที  แล้วจึงต้มสมุนไพรที่เหลือต่อไป

สมุนไพรบางอย่างควรต้มภายหลังสมุนไพรอื่นๆ ได้แก่ สมุนไพรกลิ่นหอมระเหย ซึ่งสารสำคัญระเหยง่าย และสูญเสียง่าย ดังนั้นสมุนไพรเหล่านี้ควรใส่หลังจากต้มยาอื่นๆจนเดือดแล้ว 5 – 15 นาที แล้วต้มต่ออีก 5 นาที ตัวอย่างสมุนไพรเหล่านี้ได้แก่ ปอห่อ (Bohe) ซัวยิ้ง (Sharen) และตั่วอึ้ง (Dahuang)

สมุนไพรหลายๆชนิดควรใส่ถุงผ้า โดยเฉพาะยาที่เป็นผง ลักษณะเบา ปกคลุมด้วยขนอ่อนนุ่ม หรือเป็นเมือกเหนียว

สมุนไพรบางอย่างควรต้มแยก โดยเฉพาะสมุนไพรมีราคาสูง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะใช้ปริมาณน้อย เช่น โสม (Renshen) , เขากวางอ่อน (Lurong) , ตังฉั่งแห่เช่า (Dongchong Xiacao) เมื่อได้สารสกัดแล้วสามารถแยกดื่ม หรือรวมกับน้ำยาสมุนไพรที่ต้มแล้วได้

สมุนไพรบางอย่างควรจะบดเป็นผงก่อน แล้วจึงผสมน้ำดื่ม เนื่องจากสมุนไพรเหล่านี้ไม่เหมาะที่จะนำไปต้ม เช่น ซาชิก (Sanqi)

สมุนไพรบางชนิดควรละลายน้ำร้อนหรือละลายยาร้อน แล้วจึงดื่ม เช่น อากา (Ejiao)

Free Web Hosting