สมุนไพรบำรุงดวงตา
อาหารเสริมบำรุงสายตา กับสุขยอด ผัก ผลไม้
ผู้หญิงหลาย ๆ คนในสมัยนี้อาจจะมีปัญหาด้านความล้าของสายตาจากการทำงานต่าง ๆ จนเป็นเหตุ ให้อาจจะมีปัญหาด้านสายตา หรือ ปัญหาตาแข็ง ตาแห้ง หรือ แม้แต่ดวงตาเกิดอักเสพได้ง่าย ดังนั้นวันนี้เราขอแนะนำอาหารเพื่อการบำรุงสายตาให้สดใสสุขภาพดีกับเหล่าสุดยอดผักและผลไม้ที่ช่วยในการบำรุงสายตากัน
ผักเคล หรือ กะหล่ำปลีชนิดสีเขียวเข้ม , บล็อคโครี่ ช่วยบำรุงสายตาเพราะมีคุณประโยชน์คือให้วิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตาให้มีประกายสดใส และ มีเบต้าแคโรทีนช่วยในการต้านโรคมะเร็งอีกด้วย อีกทั้งยังมีวิตามินซี และเส้นใยอาหารช่วยในการป้องกันโลหิตจาง เรียกว่าเป็นผักสาระพัดประโชยน์จริง ๆ
แคนตาลูป และ น้ำเต้า นั้นอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ช่วยชะลอการเสื่อมถอยของเลนส์ตา ช่วยในการบำรุงสายตา และยังป้องกันการเกิดโรคต้อกระจกได้อีกด้วย
ถั่วสีน้ำตาลแดง นั้นเพรียบพร้อมไปด้วยสังกะสีที่ช่วยในการบำรุงสายตา อีกทั้งวิตามินเอก็เป็นส่วนช่วยปกป้องเยื่อชั้นในของลูกตา
ส้ม มะเขือเทศ และพริกหวาน นั้นสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจก อีกทั้งช่วยในการไหลเวียนเลือดในดวงตานับว่ามีประโยชน์ช่วยในการบำรุงสายตาเป็นอย่างยิ่งนับเป็นอีกตัวเลือกที่ดีจริง ๆ
อาหารเสริมบำรุงสายตากลุ่มธัญพืช
เหล่าธัญพืชที่ผ่านกระบวนการขัดสีน้อย พวกข้าวกล้อง ถั่วเมล็ดแห้ง งา ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวบาเล่ย์ ที่อุดมด้วยวิตามินอี วิตามินบีรวม แร่ธาตุต่างๆ และใยอาหาร มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยปกป้องการเสื่อมสภาพของเซลล์ เสริมสร้างระบบประสาทและเซลล์เม็ดเลือดแดงให้แข็งแรงสมบูรณ์
จากงานวิจัยได้ค้นพบว่าการเกิดของโรคจอประสาทตาเสื่อมมาจากค่าดัชนีน้ำตาลที่สูงอีกทั้ง Macular หรือจุดกลางรับภาพจอประสาทตานั้นเป็นส่วนที่ไวต่อการมองเห็นมากที่สุด ดังนั้นการบริโภคธัญพืชที่ผ่านกระบวนการขัดสีน้อยเป็นประจำ ก็จะสามารถช่วยให้การเกิดของโรคจอประสาทตาเสื่อมลดลงได้ถึง 8%
ขอขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลกรุงเทพ และ วิชาการ.คอม
ที่มา http://www.n3k.in.th
สมุนไพรสรรพคุณรักษาเเละบำรุงไต
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิจัยนำเห็ดหลินจือมารักษาไตเรื้อรัง ระบุเห็ดหลินจือ ช่วยฟื้นฟูการทำงานของไต ทางเลือกใหม่แทนกินยากดภูมิคุ้มกัน แพทย์จุฬาฯศึกษากลไกการเกิดภาวะไตวายในร่างกาย พร้อมสร้างทางเลือกใหม่รักษาโรคไตเรื้อรังด้วยสารสกัดเห็ดหลินจือ เผยผลทดสอบเบื้องต้นช่วยผู้ป่วยกลับสู่ภาวะปกติ ระบุสรรพคุณสร้างสมดุลให้ระบบภูมิคุ้มกัน ลดอาการไตอักเสบ ภาวะไข่ขาวรั่วในปัสสาวะ แถมยังเพิ่มประสิทธิภาพระบบไหลเวียนโลหิตและเพิ่มสมรรถภาพการทำงานของไต
รศ.พญ.ดร. นริสา ฟูตระกูล ภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ทีมวิจัยค้นพบวิธีรักษาผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเนฟโฟรสิส ชนิด focal segmental sclerosis ที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยากดภูมิคุ้มกัน เช่น สเตียรอยด์ โดยเปลี่ยนให้รับประทานสารสกัดจากเห็ดหลินจือวันละ 750 – 1,000 มิลลิกรัม ควบคู่กับการให้ยาขยายหลอดเลือด พบว่า ช่วยฟื้นฟูระบบการทำงานของไตให้ดีขึ้น อีกทั้งภาวะเนื้อไตตายลดลงอย่างชัดเจน
หลังจากทำวิจัยแล้วพบว่า สาเหตุมาจากสารพิษในเลือด สารอนุมูลอิสระ และการเสียสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน ที่ทำให้สารซัยโตคายน์เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อเซลล์บุผิวหลอดเลือด ทำให้เกิดการหดรัดตัวของหลอดเลือดเพิ่มมากขึ้น จนเกิดความดันภายในไตเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ไตเกิดภาวะขาดเลือด เกิดเนื้อไตตายได้
นัก วิจัย กล่าว ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเนฟโฟรสิส ชนิด focal segmental sclerosis จะมีอาการเนื้อตัวบวมอย่างเห็นได้ชัด และหากตรวจเลือดและปัสสาวะจะพบภาวะไข่ขาวรั่วในปัสสาวะมากกว่า 3.5 กรัมต่อวัน ส่งผลให้โปรตีนในเลือดต่ำ ปริมาณการหมุนเวียนในเลือดไม่เพียงพอ เลือดในร่างกายพร่อง ข้นหนืด ก่อให้เกิดการอุดตัน และยังมีภาวะเผาผลาญไขมันผิดปกติ ไขมันในเลือดสูง ภาวะต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ไตมีการอักเสบ เสื่อม และถูกทำลายจนเข้าสู่ภาวะไตวายในท้ายที่สุด
หลัง จากเข้าใจถึงกลไกของสาเหตุโรคไตแล้ว รศ.พญ.ดร.นริสาจึงได้นำเอาสารสกัดจากเห็ดหลินจือ (Ganoderma lucidum) มาทดลองกับผู้ป่วย เนื่องจากมีสรรพคุณในการช่วยฟื้นฟูระบบสมดุลของภูมิคุ้มกัน พร้อมทั้งยังได้รักษาร่วมกับการใช้ยาขยายหลอดเลือดด้วย
รศ.พญ.ดร. นริสา ฟูตระกูล ภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ทีมวิจัยค้นพบวิธีรักษาผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเนฟโฟรสิส ชนิด focal segmental sclerosis ที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยากดภูมิคุ้มกัน เช่น สเตียรอยด์ โดยเปลี่ยนให้รับประทานสารสกัดจากเห็ดหลินจือวันละ 750 – 1,000 มิลลิกรัม ควบคู่กับการให้ยาขยายหลอดเลือด พบว่า ช่วยฟื้นฟูระบบการทำงานของไตให้ดีขึ้น อีกทั้งภาวะเนื้อไตตายลดลงอย่างชัดเจน
หลังจากทำวิจัยแล้วพบว่า สาเหตุมาจากสารพิษในเลือด สารอนุมูลอิสระ และการเสียสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน ที่ทำให้สารซัยโตคายน์เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อเซลล์บุผิวหลอดเลือด ทำให้เกิดการหดรัดตัวของหลอดเลือดเพิ่มมากขึ้น จนเกิดความดันภายในไตเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ไตเกิดภาวะขาดเลือด เกิดเนื้อไตตายได้
สำหรับ อาสาสมัครที่เข้ารับการรักษา เป็นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่มีอาการไข่ขาวรั่วในปัสสาวะต่อเนื่อง 5 – 10 ปี กำลังอยู่ในภาวะไตเสื่อมถอยลงอย่างช้าๆ และไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน หลังจากรักษาได้ราว 1 ปี พบว่าภาวะเสียสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันเข้าสู่ระดับปกติ ผู้ป่วยมีการทำงานของไตดีขึ้น ภาวะไข่ขาวรั่วในปัสสาวะลดลง และสามารถฟื้นฟูสมรรถภาพของไตให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้
“ปริมาณ ของสารสกัดจากเห็ดหลินจือที่มีคุณสมบัติในการรักษาได้นั้น จะอยู่ประมาณ 750 – 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน โดยต้องใช้ร่วมกับยาขยายหลอดเลือด ซึ่งจะเข้าไปช่วยฟื้นฟูกลศาสตร์ไหลเวียนของไตให้ดีขึ้น เพราะเลือดจะไหลเข้าสู่ไตได้มากขึ้น ทำให้ความดันภายในไตลดลง”
นอก จากนี้การบริโภคสารสกัดเห็ดหลินจือในปริมาณดังกล่าวยังไม่ก่อให้เกิดอันตราย หรือผลข้างเคียงใดๆ ด้วย เนื่องจากเห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรที่มีเพดานการบริโภคที่สูงมาก
รศ.พญ.ดร. นริสา ได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยโรคไตว่าผู้ป่วยจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการ บริโภคและการดำเนินชีวิตโดยให้ความสำคัญในเรื่องอาหาร น้ำ อากาศ การออกกำลังกาย การกำจัดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนในปริมาณที่จำกัด ควบคุมระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในภาวะปกติ นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารให้ครบ ๕ หมู่ ดื่มน้ำให้มากเพียงพอเพื่อไม่ให้ไตขาดเลือด ที่สำคัญคือควรงดสูบบุหรี่
ทำไมเห็ดหลินจือถึงรักษาโรคไตอักเสบ ไตวายได้
นพ. บรรเจิด ตันติวิท ได้เขียนหนังสือ “หลิงจือ กับ ข้าพเจ้า” ซึ่งอธิบายหลักการทำงานของเห็ดหลินจือ และประสบการณ์ในการรักษาเห็ดหลินจือให้แก่ผู้ป่วย ได้อธิบายถึงการทำงานของเห็ดหลินจือว่าทำไมถึงรักษาโรคไตอักเสบ ไตวายได้
ไต ที่อักเสบจะมีใยแผลเป็นที่ไต นานเข้าจะหดรัดไต ทำให้ไตเล็กลง รวมทั้งยังรัดเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงไต ทำให้ไตทำงานไม่ได้ ไตเกิดภาวะขาดเลือด
เห็ดหลินจือช่วยรักษาโรคไตอักเสบ ไตวายได้ เพราะ
เห็ด หลินจือจะช่วยละลายใยแผลเป็นให้ อ่อนตัว ไม่ให้ไปรัดเส้นเลือดที่เลี้ยงไต เพื่อให้เลือดไหลไปเลี้ยงไตได้ จึงทำให้ไตทำงานได้ดีขึ้น
เห็ด หลินจือมีสารนิวคลีโอไชด์ มีคุณสมบัติละลายลิ่มเลือด ไม่ให้ลิ่มเลือดเกาะตัวง่ายจนทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือด ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
เห็ดหลินจือเป็นแอนติออกซิแดนต์สามารถขจัดอนุมูลอิสระได้
เห็ด หลินจือมีโปรตีน Lz-8 ที่ปรับระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานเป็นปกติ รวมทั้งมีสารเยอรมาเนียมและสารโพลีแซคคาไรด์ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ให้แข็งแรงอีกด้วย
ที่มา http://www.thaiherbweb.com ภาพคลิปจากอินเตอร์เน็ต
ตะไคร้มีประโยชน์อย่างไร
นอกจากทำต้มยำอร่อยเเล้วยังสามารถนำมาเป็นน้ำดื่มไ้ด้อีกนะครับ ความจริงเเล้วอาหารเสริมเนี่ยไม่จำเป็นหรอกครับกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ก็พอครับ ผมว่าเเค่นี้ก็เพียงพอเเล้ว เเต่อาหารต้องหลากหลายครับ ไม่ใช่กินอยู่อย่างนั้นอย่างเดียว
ส่วนผสม
ตะไคร้ทั้งต้นและใบ 1 กิโลกรัม
(ต้น 600 กรัม ใบ 400 กรัม)
น้ำเปล่า 4 ลิตร
น้ำตาลทราย 400-700 กรัม
กรดมะนาว 0.5-1 กรัม
วิธีทำ
ล้างตะไคร้ให้สะอาด ตัดเป็นท่อนสั้นๆ นำไปต้มกับน้ำเปล่า 4 ลิตร ประมาณ 5-10 นาที แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง 2-3 ชั้น เพื่อกันไม่ให้มีเศษตะกอนของใบตะไคร้
ผสมน้ำตาลทราย คนจนน้ำตาลละลายหมด ถ้าชอบรสชาติเปรี้ยวเล็กน้อย ให้เติมกรดมะนาว เพื่อความชุ่มคอชื่นใจ แล้วกรองอีกครั้ง ตั้งให้เดือด 1-2 นาที ยกลงกรอกใส่ขวดแก้วที่ล้างสะอาด คว่ำให้แห้ง ขณะร้อนอุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส ถ้ากรอกลงขวดพลาสติก ต้องลดให้อุณหภูมิ 68 องศาเซลเซียส กรอกให้เต็มขวด ปิดฝาให้สนิท แล้วแช่น้ำเย็นทันที เมื่อขวดเย็น ให้รีบนำเข้าตู้เย็น สามารถเก็บไว้ได้ถึง 14 วัน
หมายเหตุ :
ตะไคร้ ถ้าไม่ใช้สด อาจทำโดยนำตะไคร้ทั้งต้น และใบล้างให้สะอาด หั่นเป็นท่อนสั้นๆ นำเข้าตู้อบลมร้อน ที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส นานประมาณ 2 ชั่วโมง ผึ่งไว้ให้เย็น บรรจุใส่ถุงปิดมิดชิด เวลาจะใช้นำมาต้มกับน้ำ แล้วกรองเอาแต่น้ำ ถ้าไม่อบ อาจนำมาคั่วกับกระทะ จนมีกลิ่นหอม นำไปต้มกับน้ำ แล้วกรองเอาแต่น้ำนำไปปรุงรส
คุณค่าทางอาหาร : มีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม และฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้กับอาหาร
คุณค่าทางยา : แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด ขับปัสสาวะ ขับเหงื่อได้ดี ช่วยลดพิษของสารแปลกปลอมในร่างกาย รวมทั้งช่วยลดความดันโลหิตสูง
ยาหม่องทำมาจากอะไร
ยาหม่องขมิ้นชัน ตำรับโบราณ
ในสมัยก่อนเมื่อรู้สึกมีอาการวิงเวียนศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย เคล็ดขัดยอก ผื่นคันจากแมลงกัดต่อย ทุกคนมักจะนึกถึงยาหม่อง ซึ่งในยุคปัจจุบันก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ ยาหม่องขมิ้นชันเป็นยาสมุนไพรพื้นบ้านที่มีการใช้มาช้านาน นับเป็นอีกหนึ่งมรดกภูมิปัญญาอัศจรรย์ของการแพทย์แผนไทย
ส่วนผสมของยาหม่องขมิ้นชัน ตำรับโบราณ
(ขนาด 500 กรัม)
วาสลินขาว 75 กรัม
การบูร 100 กรัม
เมนทอล 70 กรัม
ขี้ผึ้ง 100 กรัม
น้ำมันสะระแหน่ 80 กรัม
น้ำมันกานพลู 5 กรัม
น้ำมันเขียว 65 กรัม
สารสกัดขมิ้นชัน 5 กรัม
วิธีทำยาหม่องขมิ้นชัน ตำรับโบราณ
นำหม้อแสตนเลสสตีล ใส่วาสลินและขี้ผึ้งลงไป วางหม้อวาสลินลงในหม้ออีกใบที่ใหญ่กว่า ทำการตุ๋นด้วยความร้อนจากหม้อใบใหญ่ที่ใส่น้ำ ใช้ไฟกลาง ๆ กวนให้เข้ากัน ห้ามใช้ความร้อนที่สูงเกินไป จะทำให้กลิ่นระเหยหมดและอาจทำให้เกิดไฟลุกไหม้ได้
หลังจากวาสลินและขี้ผึ้งละลายหมดแล้ว ให้ยกลงจาดเตา ใส่น้ำมันสะระแหน่ น้ำมันกานพลู น้ำมันเขียว เมนทอล และการบูร ผสมกันทั้งหมดคนให้เข้ากันดี
เติมสารสกัดขมิ้นชัน คนให้เข้ากันอีกครั้ง
นำส่วนผสมที่ได้เทใส่ขวดที่เตรียมไว้ ทิ้งไว้ให้เย็นก่อนปิดฝา
สรรพคุณของยาหม่องขมิ้นชัน ตำรับโบราณ
บรรเทาอาการวิงเวียน ดมแก้หวัด ใช้ทาแก้ผื่นคันจากแมลงกัดต่อย รักษากลากเกลื้อน ใช้บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้เคล็ดขัดยอก
• หมายเหตุ
วิธีการสกัดขมิ้นชัน
นำขมิ้นชัน 1 กิโลกรัม ล้างให้สะอาดปั่นให้ละเอียด นำไปหมักในแอลกอฮอล์หรือเหล้าขาว 1 ลิตร ทิ้งไว้ 7 วัน พอครบก็กรองด้วยผ้าขาวบางเอาแต่น้ำ จากนั้นก็เอาตัวยาไประเหยให้แห้งโดยนำไปตั้งบนหม้ออังไอน้ำ จนเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของน้ำยา ก็จะได้สารสกัดขมิ้นชันเข้มข้นพร้อมใช้ทำยาหม่อง
เรียบเรียงสูตรและวิธีการทำ
ยาหม่องขมิ้นชัน ตำรับโบราณ
โดยกองบรรณาธิการ
www.YesSpaThailand.com